เกิดเป็นหญิงจะจีบก่อนได้ไหม
โอ๊ย.. คำถามเสียดแทนใจ
เจอคนถูกใจทีไรก็ได้แต่อึ้งกิมกี่ เมียงมองแล้วเดินรี่จากไป
มาวันนึงเกิดนึกขึ้นได้ว่าขืนปล่อยไปแบบนี้ไม่มีทางหาแฟนแหงๆ
ตอนยังสาวยังแส้ก็พอจะเล่นองค์โก่งราคาไหว แก่ตัวไปก็สู้สาวๆ ไม่ได้กันพอดี โอว..ว
ไม่นะ ไปดีกว่า ไปหาวิธีจีบหนุ่มๆกันเดี๋ยวนี้ (ก่อนจะหลุดมือ)
ด้วยนิสัยกุลสตรีที่มีมาแต่อ้อนแต่อกคงไม่สามารถไม่อ่อยใครได้
หรือถ้าได้ก็คงไม่มีเชิง เสียฟอร์มตายเลย
และแล้วก็บังเกิดปัญญาที่เพื่อสาวทรงสเน่ห์บอกมาเรียกว่าบริจาคเป็นวิทยาทานว่า
"การจีบหนุ่ม" ที่ดีและมีฟอร์มเริ่ดน่ะเป็อย่าไร จึงแอเอามาเล่าเผื่อสาวใสที่กำลังกลุ้มใจเพราะแอบปิ๊งสุดหลุ่อ
จะจีบก็ไม่กล้า คอยท่าปล่อยทิ้วไว้ก็อด!
แต่ที่สำคัญต้องแล้วแต่สถานการณ์ไม่มีอะไรตายตัวแต่พอบอกเป้นไกด์ไลน์ได้บ้างหากแอบชอบเพื่อน+คนใกล้ตัว
: ปัญหาโลกแตกแล้วล่ะเจอกันบ่อย ในเมื่อเป็นคนรู้จักจงสืบเสาะหาข้อมูลให้แน่แก่ใจว่าเค้ามีแฟนหรือยัง
หากมีแล้วก็ทำใจ ความหวังริบหรี่ แต่ถ้ายังจงประเมินตัวเองว่า
เค้ามีทีท่ายังไงกับเรา หากพอเป็นไปได้ก็เริ่มเลย
1. หาทางชิดใกล้ให้ดูเหมือนไม่จงใจ เช่น
หากเค้าเรียนดีก็แกล้งขอให้เค้าติวให้ (แผนนี้เวิร์นะ เรียนดีขึ้นแถมเขายังมองเราในแงดีว่ามีความสนใจเรียนอีก)
หากเขาชอบดูหนัง เล่นกีฬา
แต่ว่าคุณทำอะไรแบบนั้นไม่เป็นเลยก็ลองทำท่าว่าสนใจแต่ไม่ค่อยเก่ง
ไม่รู้เรื่องอะไรมากของให้เค้าช่วยสอนช่วยบอก แค่นี้ก็ใกล้เข้าไปอีกขั้นแล้ว
หรืออาจโผล่หน้าค่าตาให้เขาเห็นบ่อยๆ ตามหลอกหลอนเขา เรียกว่าเอาหน้าเราไปมอมให้เมาจนชิน
2. หาเสียงสนับสนุน
หากเพื่อนๆของคุณไม่ขัดข้อง หรือพอจะมีกองเชียร์เป็นเพื่อของเขา เราก็พอมีเฮกันล่ะ
ลองให้เพื่อนๆ หรือบรรดาพ่อสื่อแม่ชัก ทั้งหลายไปหาข้อมูล ขยันป้อ
ขยันหยอดชื่นชมโหมโรงเข้าข้างเราให้มากๆ แต่เตือนว่าต้องเลือกคนที่ไว้ใจได้นะไม่ใช่เสร็จแม่สื่อล่ะยุ่ง
เลือกคนที่ใกล้ชิดสนิทกับเขา หรือโน้มน้าวให้เขาเอนเอียงได้ยิ่งเป๊ะ
3. ทำความรู้จักโดยฉับพลัน
หากคนที่คุณปิ๊งจนอยากจียบใจจะขาด แต่ดันเป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้จู่ๆ
โผล่มาจุดประกายให้อยากมีแฟนเป็นเค้าขึ้นมา จงเดินหน้าเข้าไป
อาจใช้วิธีส่งสายตาหรือให้เพื่อ(ที่พอรู้จักกัน) แนะนำให้รู้จัก
แต่ระหว่างนั้นอย่าลืมมองซ้ายแลขวาและหาข้อมูลให้แน่ใจก่อนว่าไม่มีแฟนมาด้วย
เพราะนอกจากจะหน้าแตกอาจถูกดูถูกหรือหัวเราะเยาะเอาได้
แต่หากเห็นเดินอยู่หนุ่มเดียวเปลี่ยวดาย
จงรี่เข้าไปทำท่าเหมือนเด็กน่ารักไร้เดียงสาและช่างสงสัย
(ให้พองามไม่ใช่สอดรู้สอดเห็น) หรือต้องการความช่วยเหลือจากเขา เช่น แกล้งถามทาง หรือให้เขาช่วยอธิบายภาพในแกลอรี่
หรือถามความเห็นเล็กๆ หากท่าทางเขาไม่รำคาญก็ยิ้มหวานและโปรยเสน่ห์ต่อเลย
ความจริงหากหลุดจากวิธีเหล่านี้ก็ยังมีอีกหลายวิธีที่น่าจะได้ผล
ขึ้นอยู่กับความถนัดและชั่วโมงบิน แต่หากเจอกันปัจจุบันทันด่วน
หรือเกิดปิ๊งกันโดยที่ไม่เคยเป็นเพื่อน วงศาคณาญาติ
และที่สำคัญเขากำลังอยู่โดยไม่มีคู่หวานใจ ณ ที่นั้น
เรามีสูตรสำเร็จเคล็ดไม่ลับในการอ่อย.. 10 ข้อ คือ
1. ประสานสายตา : อาจเป็นมุขเก่าๆ
ลูกไม้ตื้นๆ แต่ 'ทานโทษได้ผลมาตลอด' ก็ดวงตาน่ะเป็นหน้าต่างของหัวใจนี่คะ
หากอายที่จะประสานสายตาตรงๆ ขอเสนอให้สาวไทย
น้องนางนิ่มนวลกัลยาณีทั้งหลายลองส่งสายตาไปสักพักให้เขาหันมาปิ๊งสบตาพอรู้ตัวนิดหน่อย
พอพ่อสุดหล่อพอจะรู้ตัวก็แกล้งมองผ่านเลยไปหรือเบนสายตาไปทางอื่น
ให้เขาสงสัยเล่นว่าเอ.. มองเรารึงเปล่าฟะ.. ทำอย่างนี้สัก 2-3
ครั้งให้พอจับสังเกตได้ แล้วค่อยประสารสายตาตรงๆ แอบยิ้มทักต่อเลยก็ได้ไม่ว่ากัน
แต่จงทำให้แน่ใจหรือชัวร์ว่ามีเวลาที่ประสานสายตาได้บ้าง
ไม่ใช่พอแกล้งส่งสายตาไประลอกแรกแล้วพี่แกก็เผ่นเดินหนีไปทางอื่นไม่มามองตาเราตอบซวยเลย
2. หัดยิ้มและหัวเราะเข้าไว้ :
หากเราและเขาเกิดอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกันสักเท่าไหร่
ลองทำตัวเป็นคนที่อารมณ์และร่างเริงเข้าไว้ หัวเราะกับรรดาหมู่เพื่อนสาว
บางทีกราดยิ้มเลยไปให้เขาบ้างก็ได้ เพราะคนที่มีจิตใจแจ่ใส
ยิ้มแย้มน่ะเป็นคนที่น่าคบหา แค่เห็นก็ให้ความรู้สึกเป็นมิตรแล้ว
พิเศษนิดนึงว่าฟันคุณต้องสวยสะอาดไม่มีเศษผัก เศษอาหารติดล่ะ ไม่งั้นอายตายเลย
3. มาดมั่นและดูน่าคบหา :
นอกจากการยิ้มทักทายและประสานสายตาก็ยังมีส่วนอื่นอีกที่คุณจำต้องทำให้ดูดีขึ้นมาอีกนิดนึง
นั่นคือความมั่นใจ อาจเป็นมั่นใจและมีสติพอที่จะเดินเข้าไปทักทายหรือยิ้มให้
พยายามเป็นคนที่เปิดกว้าง เผื่อว่าเขาเองจะได้ไม่เคอะเขินที่จะมีท่าทีตอบกับคุณด้วย
แต่ข้อนี้ขอสงวนให้สาวไทยฟังไว้บ้างว่า "จงมั่นใจอย่างไม่ไร้สติ"
นั่นคือก่อนเชิดต้องอย่าลืมสำรวจตัวเองนิดหน่อย จากนั้นทำตัวสลายๆ เป็นกันเอง
เข้ากับคนง่ายเข้าไว้เถอะ เพราะนอกจากให้เขามองดูว่าเราน่าคบหาแล้ว ยังได้ประโยชน์ทางอ้อมตรงที่คนอื่นก็จะมองเราดีด้วย
แบบนี้เขาเรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว
4. เป็นตัวของตัวเอง :
คำนี้ได้ยินบ่อยมาก โดยเฉพาะเป็นคำชมมศิลปินและคำชม-คำด่าแบบตลาดๆ
หาฟังได้กลาดเกลื่อน แต่ครั้งนี้มันมีความหมายและสมเหตุสมผลนะ
เพราะคนเราต้องมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองจดจำง่าย น่าประทับใจ
หากคนเราดีเด่นเหมือนๆกันหมดจนไม่มีความต่างก็ไม่น่าประทับใจสิ
หากคุณเป็นสาวมาดมั่น working
woman ก็ไม่ต้องจริตฝืนทำตัวโนเนะให้เขามองหรือกนะ
มันจะดูขัดๆมากกว่า
5. ฉอเลาะแต่พอดี :
เมื่อสบช่องมองว่าโอกาสทองโอกาสเหมาะมาถึง สาวเจ้าจึงรี่ไปชวนเขาพูดคุยคลายเหงาบ้าง
ทำตัวเป็นทอล์คอะทีฟเกิร์ลหรือสาวช่างพูด ช่างฉอเลาะ หวังว่าข้อนี้คงได้ผลนะ
(ได้ผลแน่หากหนูพูดเก่ง ไม่ใช่พูดมากแต่น่าเบื่อ)
6. มีเสน่ห์-ลึกลับ : ทำตัวเปิด (เผย)
มากไปก็ไม่ดีนะ ลองทำตัวให้ดูลึกลับนิดๆซะบ้าง จะได้มีเสน่ห์น่าค้นหา อย่าไปแบไต๋หรือไล่ยัดเยียดความเป็นตัวเราให้เขารู้จักมากนัก
เดี๋ยวจะหมดความสนใจที่อยากรู้จักรู้ใจเราเร็วเกินไป ยิ่งแรกจีบยิ่งต้องไว้ท่าที
ว่ากันว่าผู้หญิงที่เซ็กซี่น่าค้นหาคือผู้หญิงที่มีเสน่ห์ลึกลับดึงดูดความสนใจได้นั่นเอง
7. ชวนเค้าเต้นด้วยกัน : ก็แหม..
หากปิ๊งหนุ่มในเธคหรืองานปาร์ตี้ลองชวนเขามาขยับแข้งขาสร้างความสนิทชิดเชื้อ
แถมเป็นการโชว์ลีลาตัวเองทางอ้อมด้วย
หากคุณโตพอจะมีแฟนหรือไม่แคร์ที่จะมีคนมองไม่ดี แนะนำให้เต้นคู่ จะเป็นสโลว์ซบ
สโลว์ไม่ซบก็ได้ทั้งนั้น แต่สำหรับสาวไทยใจกุลสตรี (หวังว่าคงยังพอมีอยู่บ้าง) ลองชวนเขามาเต้นด้วยกันเพื่อสร้างความคุ้นเคยและเผยให้เห็นว่าคุณเป็นคนสนุกสนานได้อีกด้วย
8. เรียกชื่อเค้าบ่อยๆ :
ไม่ใช่กลัวว่าคุณจะความจำเสื่อม หรือสมองฝ่อจำเขาไม่ได้
แต่รู้ไหมว่าคนฟังจะรู้สึกดีมากหากเราจำชื่อของเขาได้
ยิ่งใช้ชื่อหรือเรียกเขาบ่อยเท่าไหร่ จะยิ่งทำให้เขารู้สึกปลื้มและเป็นกันเองมากขึ้น
9. แตะนิดโดนหน่อย : ฮั่นแน่ ..
แอบแต๊ะอั๋งเขาเข้าแล้วล่ะ แต่อย่าไปทำตัวเหมือนวิ่งไล่จับเขานะ น่าเกลียด
ทำอะไรให้แนบเนี่ยนหน่อย เช่น เวลาชวนคุยลองสะกิดหรือแตะแขนเขาเบาๆ
หากรู้จักกันมาก่อนอาจมีการตบบ่าต่อยอกเบาๆ (เน้นว่าเบาๆจริงๆนะ ไม่งั้นอาจมีสวน)
อะไรทำนองเนี๊ย เดินเหวี่ยงแขนสีกัน ชนกันบ้าง นั่งไหล่เกยนิดหน่อย อะไรทำนองเนี๊ย
ที่เหลือไม่ต้องสอนต่อแล้วใช่ม๊า.. ต้องทำอย่างไรบ้างนึกออกใช่มั้ย
10. จุ๊บสร้างความประทับใจ :
ข้อนี้สงวนไว้สำหรับสาวใจกล้าและบ้าบิ่น และเหมาะกับสาวชาวตะวันตกมากกว่าหญิงไทยใจกุลสตรีอย่างเราๆ
เพราะคำแนะนำบอกว่าให้จูบแบบ French Kiss หรือแบบ Snog แต่สำหรับสาวไทยแค่ส่งจูบ หรือทำปากเหมือนจุ๊บสักทีก็พอ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น